call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
ทะเลสาบโห่ตัย มีชื่อเรียกมากมาย เรียกว่า ถูกเปลี่ยนกันมาตามตำนานแต่ละยุคสมัยเลยทีเดียว เริ่มจากทะเลสาบจิ้งจอก (Fox Corpse Swamp) อันมีที่มาจากตำนาน ลอง เกวิน ราชามังกรมาปราบ โดยการปล่อยน้ำให้ท่วม แล้วจึงฝังวิญญาณของจิ้งจอกเก้าหางลงไป
ต่อมาในศตวรรษที่ 11 ทะเลสาบนี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นทะเลสาบควายทอง ตามตำนานว่าด้วยพระสงฆ์ข่งโล (Khong Lo) ที่สร้างระฆังทองขนาดใหญ่ขึ้น ครั้นเมื่อท่านตีระฆัง เสียงนั้นก็ดังออกไปจนถึงหูของควายทอง จนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสียงเรียกของแม่ มันจึงรีบวิ่งจากถิ่นฐานของตนมาตามหาต้นเสียง และเปลี่ยนพื้นที่นี้กลายเป็นทะเลสาบ เมื่อเวลาผ่านไปทะเลสาบนี้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่า ทะเลสาบแห่งสายหมอก เนื่องจากถูกปกคลุมด้วยสายหมอกอยู่เสมอ กระทั่งในปี ค.ศ. 1573 ทางกรเวียดนามก็ได้ประกาศให้มีชื่ออย่างเป็นทางกรว่า “ทะเลสาบตะวันตก หรือ ทะเลสาบโห่ตัย”
ชมความงามของทะเลสาบโห่ตัยได้สักพักใหญ่ เราจก็มาถึงเจดีย์เจิ่นกว๊อก (Tran Quoc Pagoda) ที่อยู่ทางซ้ายมือ ว่ากันว่านี่คือวัดพุธเก่าแก่ประจำเมืองฮานอยที่วีรบุรุษชื่อว่า “ลี้โบน” หรือจักรพพดิลี้ นัม เด ในเวลาต่อมา สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 545 ทีแรก พระองค์ทรงสร้างเจดีย์ชื่อไคกว็อก ขึ้นที่นอกเมืองริมฝั่งแม่น้ำแดง กระทั่งเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยจักรพรรดิเล กิญ ตง พื้นที่ริมน้ำ เริ่มถูกกัดเซาะจนตัววัดนั้นได้รับผลกระทบ เลยมีพระบรมราชโองการให้ย้ายเจดีย์มาไว้ยังที่ตั้งปัจจุบัน ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นเจดีย์เจิ่นกว๊อก อันหมายถึง “ปราการของประเทศ” แทน
พอผ่านซุ้มประตูสีเหลืองสไตล์จีน เข้าไปด้านใน เลี้ยวซ้ายเพื่อชมความงามเจดีย์ 8 ทิศ 11 ชั้น (สูง 15 เมตร) สีน้ำตาลแดงก่อน ซึ่งแต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาว และบรรจุอัฐิของพระสงฆ์ชื่อดังของวัดไว้ (ว่ากันว่ากว่าอัฐิเหล่านั้นจะถูกนำมาบรรจุที่นี่ ต้องเก็บไว้ข้างนอกก่อนถึง 3 ปี) ส่วนชั้นบนสุดทำเป็นดอกบัว 9 ชั้น ทั้งนี้แต่ก่อนเจดีย์เจิ่นกว๊อกไม่ได้ใช้สีน้ำตาลแดง อย่างที่เห็นนะคะ เขาเพิ่งมาทาสีใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2004 เนื่องจากชาวเวียดนามเชื่อกันว่า สีแดงเป็นสีแห่งความโชคดีและความมั่งคั่งนั่นเอง หากท่านมาเที่ยวเวียดนาม ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวทะเลสาบโห่ตัยและเจดีย์เจิ่นกว๊อกนะคะ