ประวัติศาสตร์เมืองมิวนิค

            มิวนิค เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรียอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี และเมืองหลวงแห่งเบียร์ของยุโรป  มิวนิคได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่รวยศิลปะ และสถาปัตยกรรมสไตล์บอรอกและเรอเสนซองส์ ในช่วงที่ราชวงศ์วิทเทลสบาคปกครอง และความรุ่งเรืองก็ยังคงปรากฏอยู่จวบจนทุกวันนี้  เมืองที่รอคอยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกลิ่นอาย ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบบาวาเรียนแ ที่เปี่ยมเสน่ห์และน่าหลงใหล หากท่านได้มาทัวร์ยุโรปตะวันออก ขอแนะนำเมืองมิวนิค เมืองที่เต็มไปด้วยความงดงามของศิลปะแขนงต่างๆ

           ในศตวรรษที่ 10-11 พระจาก Tegernsee Abbey ได้มาตั้งรกรากที่ริมฝั่งแม่น้ำอีซาร์ (Isar) และได้เรียกว่า Munichen ซึ่งมีรากศัพท์จากคำว่า Monche ในภาษาเยอรมัน ที่แปลว่า “พระ”

           ค.ศ. 1158 ได้รับการสถาปนาเมืองโดย Guelph, Henry the Lion มีการสร้างจัตุรัสเมืองโรงกษาปณ์ และป้อมปราการ หลังจากพระเจ้าเฮนรี่ถูกขับไล่ในปี 1180 บาวาเรีย ก็ถูกครอบครองโดยพวกวิทเทลส์บาค (Wittelsbach) ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1255  มิวนิคกลายเป็นเมืองพระราชฐานของราชวงศ์วิทเทลส์บาค อันทำให้มิวนิคเจริญรุ่งเรือง และยังเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรเยอรมันอยู่ชั่วระยะหนึ่งด้วย ครั้งสงครามสามสิบปี มิวนิคตกอยู่ในความคุ้มครองของกษัตริย์กุสตาวุสแห่งสวีเดน (Gustavus Adolphus) ปี 1632

           สวนสาธารณะแห่งแรกของเมืองคือ English Garden สร้างขึ้นใน ค.ศ.1789 ปีแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งใหญ่ ขณะที่ในปี 1806 บาวาเรียได้รับการสถานปนาขึ้นเป็นอาณาจักรกษัตริย์ช่วงรัชสมัยกษัตริย์แมกซ์โจเซฟที่ 1 พระองค์ได้จัดงาน Okterberfest ฉลองพิธีอภิเษกสมรสของพระราชโอรสในปี 1810 ซึ่งอ็อคโทเบอร์เฟส ได้กลายเป็นงานเลี้ยงฉลองที่จัดต่อเนื่องจนภายหลังเป็นเทสกาลประจำปีที่เต็มไปด้วยดนตรีบาวาเรีย  อาหารบาวาเรีย และเบียร์นับร้อยๆ ลิตรที่รินกันไม่หยุดตลอดเทศกาล โดยอ็อคโทเบอร์เฟสครั้งที่ 77  เมื่อปี ค.ศ. 2010 ได้มีการฉลองครบรอบ 200 ปีด้วย

           พระราชโอรสแห่งกษัตริย์แมกซ์โจเซฟที่ 1 ได้ขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็นกษัตริย์ลุดวิกที่ 1พระองค์ได้เนรมิตเมืองให้เรืองรองด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นคลาสสิก มีการสร้างอาคารที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน อย่างพระราชวัง (Royal Residence) พิพิธภัณฑ์พินาโกเตก (Old and New Pinakotheks) ประตูชัย (Siegestor) ถนนลุดวิก (Ludwigstrasse) ยังผลให้มิวนิคกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของยุโรป

           ขณะที่รัชกาลต่อมาคือกษัตริย์แมกซ์ที่ 2 และกษัตริย์ลุดวิกที่ 2  ก็ได้เนรมิตเมืองให้สวยเด่นยิ่งขึ้น โดยกษัตริย์แมกซ์ที่ 2 นั้น รวบรวมนักวิทยาศาสตร์และศิลปินลือนามมาสร้างศิลปะแบบใหม่บนถนนแมกซิมิเลียน ซึ่งอาคารรัฐสภาแห่งแคว้นบาวาเรีย (Maximilianeum) ก็สร้างขึ้นในช่วงนี้ ส่วนกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ทรงโปรดใช้ชีวิตเพียงลำพัง จึงมิได้สร้างสิ่งใดไว้ในมิวนิค หากพระองค์กลับเป็นที่รู้จักของคนยุคใหม่มากที่สุด เมื่อได้เนรมิตปราสาทนอยชวานชไตน์ ในวงล้อมของเทือกเขาและทะเลสาบ ให้สวยงามดั่งเทพนิยาย ซึ่งวอลท์ ดิสนีย์นำไปเป็นต้นแบบสร้างปราสาทในดิสนีย์แลนด์ จนนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องไปเยือนปราสาทต้นแบบนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต

           มิวนิคเข้าสู่ยุคทองอีกครั้งก่อนขึ้นค.ศ. 1900 เมื่อจิตรกรนักคิดนักเขียนจากทุกมุมโลกเดินทางมาอยู่รวมกันในย่านซวาบิ้ง (Schwabing) เพื่อสรรค์สร้างงานศิลปะและถูกปรัชญาลับสติสปัญญากัน ไม่ว่าจะเป็น Kandinsky, Marc, Lenin, Hitler ล้วนเคยอยู่ย่านนี้มาแล้ว  โดยฮิตเลอร์ถึงกับทำให้มิวนิคกลายเป็นนครแห่งความเคลื่อนไหว แต่พอเข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 มิวิคถูกทำลายไปกว่าครึ่ง หากน่าดีใจที่อาคารอันุ่มรวยด้วยประวัติศาสตร์อย่างพระราชวัง โรงละครแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์พินาโกเตก ได้รับกาบูรณะจนสวยงามดุจเดิม

           แคว้นบาวาเรีย หรือ บาเยิร์น  ในภาษาเยอรมัน ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในเขตเทือกเขาบาวาเรีย-แอลป์ ใจกลางทวีปยุโรป  อันมีมิวนิคเป็นเมืองหลวง จัดเป็นแคว้นที่มีความสวยงาม อุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่ากว้างใหญ่ และเทือกเขาอันน่าประทับใจ ทำให้เป็นเขตท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งกับชาวเยอรมันและชาวต่างชาติมาเที่ยวยุโรปตะวันออก

          แคว้นบาวาเรียมีพื้นที่ 70,548 ตารางกิโลเมตร พรมแดนทางตะวันออกติดกับสาธารณรัฐเชค ตอนใต้ติดประเทศออสเรีย ซึ่งมีเทือกเขาแองป์กางกั้น โดยแคว้นบาวาเรียยังเป็นที่ตั้งยอดเขาที่สูงสุดของประเทศ คือยดเขาซุกสปิตเช สูง 2,964 เมตร ไม่น้ำไมน์ (Main River) ไหลผ่านตอนเหนือของแคว้นจากตะวันออกถึงตะวันตก และแม่น้ำดานูบ ไหลเข้าบาวาเรียใกล้ๆ เมืองอูล์ม ด้วยระยะทาง 280 ไมล์ก่อนจะผ่านเข้าออสเตรียที่เมืองพัสเซา โดยมิวนิค เมืองหลวงของแคว้นตั้งอยู่ในที่ราบสูงสเวเบียน-บาวาเรีย ล้อมรอบด้วยหุบเขาของทะเลสาบอัมเมอร์เซ และทะเลสาบชตาร์นแบร์ก มีแม่น้ำอีซาร์สีเขียวใสไหลลงมาจากเทือกเขา

ประชากรของบาวาเรียมี 12.5 ล้านคน  ขณะที่มิวนิค เมืองหลวงมีประชากร 6.4 ล้านคน และครองครองความเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเยอรมนี พร้อมเป็นที่ทำการของรัฐบาลรัฐสภา และศาลสูงสุดแห่งบาวาเรีย