call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
มาเที่ยวฮอกไกโด ทานอะไรดีอันดับแรกๆ ได้แก่ ปูฮอกไกโด 3 ชนิด ประกอบด้วยปูทาราบะ ปูสึไว และปูขน นำมาต้มให้สุก หรือย่างด้วยถ่าน หรือกินกับชาบูน้ำซุปพิเศษ เป็นเมนูยอดนิยมที่สุด บางภัตตาคารเป็นรายการบุฟเฟต์รับประทานได้ไม่จำกัด ราคาตั้งแต่ 3700-5500 เยน หากเพิ่มอีก 1050 เยน มีเครื่องดื่มรวมอยู่ในบริการด้วย ดื่มได้ไม่อั้นอีกด้วย จำกัดเวลา 45 นาที-1 ชั่วโมง บางแห่งมีแถมด้วยปูต้มหม้อไฟและปลาดิบปิดท้ายด้วยข้าวอบหอยเชลล์ มีให้เลือกหลายร้านในซับโปโร เป็นอาหารเซตก็มีให้เลือกราคาชุดละ 4200 เยน มีปูขน ปูทาราบะ ปูสึไว ข้าวปั้น และกุ้มเทมปุระ ฯลฯ รวม 8 ชนิด
อันดับ 2 คือ “เนื้อย่างเจงกีสข่าน” เนื้อย่างบนกระทะเหล็กร้อนๆ ถือกำเนิดขึ้นบนเกาะฮอกไกโดนี่เอง จะใช้เนื้อแกะเป็นหลักหรือเนื้อวัวส่วนน่อง ปรุงรสด้วยเกลือ กระเทียม โบซิโซะ ย่างด้วยเตาถ่าน ผิวนอกจะกรอบ รสชาติให้สัมผัสแตกต่างจากต้มหม้อไฟ บางครั้งก็มีเนื้อแพะเสริฟมาด้วย ปรุงรสหวานเผ็ด มีผักเคียง มันฝรั่งผัดกับเนย รับประทานกับน้ำจิ้มปรุงพิเศษ ทานได้เต็มที่ ไม่จำกัดเบียร์ เพียงคนละ 3,670 เยน ภายในเวลา 100 นาที บางภัตตาคารมีการจัดชุดเสริฟกับซูชิและอาหารทะเลด้วย
อันดับ3 คือ “อาหารทะเล” ทั้งปลาโอตัวใหญ่ ปรุงเป็นอาหารสูตรเฉพาะแต่ละร้าน เป็นเมนูชาบูปลาโอ ราคา 5,250 เยน ซาชิมิปลาโอ (Nakaochidon) อาหารชุดนิบันเมะ (Nibanme) ราคา 15,750 เยน ปลาฮอกเกะเค็ม (Hokke) ราคา 1300 เยน ปูขน (Sagatmori) ราคา 4000 เยน ปลาคิงแซลมอน (Oosuku) ปลาไข่ ซาชิมิหอย (Kuro Hokki) จากโทมาโกะ มาอิ (Tomako Mai) ราคา 1200 เยน บางภัตตาคารมีบ่อเลี้ยงปลาหมึกให้สั่งรับประทานได้แบบสดๆ
หอยเชลล์ขนาดใหญ่จากโอโฮะซึกุ (Ohotsuku) ย่างถ่านรับประทานที่โต๊ะกับปลาไหลย่าง (Kabayaki) เป็นอาหารบำรุงกำลังโดยการพรมน้ำซอสข้นมีรสหวานไปด้วยในขณะที่ย่าง เป็นน้ำซอสพิเศษเฉพาะใช้น้ำจากปลาไหลปรุงกับซีอิ๊ว เหล้าหวาน และน้ำตาลแล้วโรยพริกไทยป่นบนปลาไหลย่างก่อนจะรับประทานคู่กับซุปน้ำใส ใส่ตับปลาไหลพร้อมกับข้าวญี่ปุ่น อุดมไปด้วยวิตามินอีและเอ มีโปรตีนมากกว่าเนื้อหมูและเนื้อวัว แต่มีแคลอรี่น้อยกว่า
ชาวญี่ปุ่นมีประเพณีดั้งเดิม นิยมรับประทานกันในวันที่ 20 กรกฏาคมของทุกปี ซึ่งถือกันว่าเป็นวันที่อากาศร้อนจัดที่สุด เพราะเชื่อว่าการรับประทานปลาไหลจะช่วยทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถต้านทานอากาศร้อนจัดในช่วงกลางฤดูร้อนได้ดี ปลาหมู นิยมนำมาทำเทมปุระ (Tempura) ชุปแป้งทอดหรือทำเป็นอาหารหม้อไฟ ที่เรียกว่า ยานางาวะนาเบะใส่ไข่ ใส่รากพืชโกะโบ และซีอิ๊วลงไป ในหม้อดินเคลือบเนื้อหยาบ ปลาหมูจะมีมากและรสชาติอร่อยในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฏาคม
อันดับ 4 คือ “ซูชิ (Shshi) ข้าวปั้นหน้าทะเล สุดยอดมาก เพราะใชวัตถุดิบสดๆ ที่ขึ้นชื่อมาก โดยเฉพาะไข่ปลา ไข่หอยเม่น ไข่ปู และไข่กุ้ง ดิบๆ สดๆ ทั้งนั้น ของทะเลที่หายากนำมาทำซูชิต้องใหม่และสด พ่อครัวซูชิที่ดีต้องมีบุคลิกที่กระฉับกระเฉง ยิ้มแย้ม สดชื่น อารมณ์ดี และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
อาหารเมนูซูชิจะได้รับการจัดแต่งอย่างสวยงาม พ่อครัวจะเรียนรู้ศิลปะการตกแต่งมาอย่างดี มีความชำนาญตกแต่งซูชิให้น่ารับประทานโดยใช้ใบไม้ เช่น ใบไผ่ และอื่นๆ มาตัดแต่งวางประดับไว้ในจาน การรับประทานซูชุควรสั่งเมนูแบบชุด เพราะจะมีราคาตายตัว ทั้งอย่างพิเศษสุด พิเศษ และธรรมดา ราคาลดหลั่นกันลงมา เช่น ชุดข้าวหน้าหอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน ปลาดิบ ปูทาบาระซูชิ 6 คำ เครื่องเคียงพร้อม ราคา 3700 เยน ชุดข้าวปั้นฮอกไกโด 12 คำ ราคา 3200 ชุดข้าวปั้น 12 คำ(ใหญ่พิเศษ 1.5 เท่า) พร้อมน้ำซุปราคา 4,725 เยน
ซูชิมีหลายชนิด ได้แก่
นิงิริซูชิ
1. นิงิริซูชิ หรือเรียกว่า เอโดมาเอะ มีราคาแพงที่สุด พ่อครัวจะปั้นข้าวเป็นรูปวงรี มีขนาดพอคำ โรยวาซาบิเล็กน้อย วางของทะเลสดๆ ไว้ข้างบน เช่น เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า กุ้ง ปลาโคฮาดะ ปลามังกร หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอนและไข่ทอด ข้าวปั้นที่นำมาทำซูชิจะเคล้าผนมน้ำส้มเล็กน้อยให้ออกรสเปรี้ยว เอโดมาเอะ ได้รับความนิยมมากที่สุดในแถบคันโต (Kanto) ภาคตะวันออก มีกรุงโตเกียวเป็นศูนย์กลาง คำว่าเอโดะเป็นชื่อเดิมของโตเกียว คำว่ามาเอะหมายถึงข้างหน้า
ฮาโคะซูชิ
2. ฮาโคะซูชิ นิยมกันมากในแถบคันไซภาคตะวันตก มีเกียวโตและโอซาก้าเป็นศูนย์กลาง โดยน้ำข้าวปั้นซูชิมากดลงในพิมพ์ไม้รูปสี่เหลี่ยมแล้วนำออกมาจากพิมพ์ มาตัดขนาดพอดีคำ ของทะเลบนข้าวปั้นมักใช้ปลามังกรอานาโงะ (Anago) ปู และปลาอินทรีญี่ปุ่น หรือซาบะ (Saba) รับประทานพร้อมกับขิงดองเป็นเครื่องแกล้ม
3. มาคิซูชิ ทำโดยนำข้าวปั้นซูชิทะเลมาวางบนแผ่นสาหร่าย (Nori) แล้วม้วนเป็นรูปลมทรงกระบอกใส่แตงกวา เต้าหู้ เพิ่มเป็นไส้ในข้าวปั้น ร้านซูชิดีๆ ที่เรียกว่า “ซูชิยะ” ราคาค่อนข้างแพง และอาจจะสับสนได้ ถ้าเราไม่รู้จักชื่อของอาหาร จะเหมาะกว่าถ้าเราเลือกร้านแบบไคเต็นซูชิยะ ร้านซูชิที่มีจานใส่อาหารวาบนสายพานเวียนไปรอบเคาน์เตอร์ ให้ลูกค้าได้เลือกหยิบประทานได้ตามใจชอบ แม้ว่าบรรยากาศจะไม่สวยหรู แต่เหมาะกับลูกค้าที่ยังไม่คุ้นกับอาหารญี่ปุ่น ราคาก็ไม่แพง
ซาชิมิ
อันดับ 5 คือ “ซาชิมิ” เป็นอาหารทะเลสดๆ เช่น ปลา หอย กุ้ง ปู แล่เป็นชื้นบางๆ ถึงหนา นำมารับประทานโดยจิ้มกับซีอิ้วญี่ปุ่นผสมวาซาบิ รับประทานดิบๆ เป็นอาหารเมนูที่ชาวญี่ปุ่นนิยมกันมาก ทั้งซาชิมิและซูชิเป็นอาหารที่ผสมผสานรสชาติเข้ากับความงามไวด้อย่างลงตัว โดยใช้อาหารทะเลดิบ ปรุงแต่งขึ้นมาเหมือนกันเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลก แต่บางครั้งชาวต่างชาติมีอคติกับอาหารดิบ ดังนั้นทางร้านอาหารจะถามผู้มาเยือนชาวต่างชาติเหล่านี้ก่อนอยู่เสมอว่า รับประทานซาชิมิหรือซูชิได้หรือไม่ ก่อนจะสั่งอาหาร ซาชิมิที่เป็นชุดยอดนิยมจะเสิร์ฟมาบนจานแบนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ประกอบด้วยปลาดิบทั้งตัว มักเป็นปลาไท เราเรียกว่า “ปลาทรายแดง” หรือปลาคาร์ป มีการแล่อย่างประณีต ระมัดระวังไม่ให้ปลาตาย วางเสิร์ฟมาบนจานที่มีการจัดแต่งอย่างสวยงาม มองดูเหมือนปลายังมีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ คู่กับผักที่จัดวางประกอบมา รับประทานได้เพื่อให้ปากสดชื่นและฆ่าเชื้อโรคเช่น ใบฤาษีผสม หัวใช้เท้า แตงกวา และต้นหอม
ราเมน ฮอกไกโด
อันดับ 6 คือ ราเมน ฮอกไกโดขึ้นชื่อยิ่งนักในเรื่องราเมน ที่ใช้เส้นแบบชาวจีน (บะหมี่เหลืองเส้นแบน) มักรับประทานเป็นบะหมี่น้ำ ความเด็ดขาดอยู่ที่น้ำซุปผสมมิโซะและเครื่องที่ใส่มาในชาม ไม่ว่าจะเป็นไข่ต้ม อาหารทะเล ข้าวโพดเนยแข็ง เนยสด ซึ่งทำให้น้ำซุปอร่อยและเข้มข้นอีกเท่าตัว น้ำซุปมักนิยมใช้น้ำต้มใส่ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยวบด และเกลือ นิยมใส่ลูกชิ้นปลา หน่อไม้จีน หมูย่าง สาหร่าย (โนริ) หรือหน่อไม้ดอง หมูอบ ไข่ต้ม สาหร่ายวากาเมะ และต้นหอมญี่ปุ่น บางภัตตาคารใส่เพิ่มเติมอีกราว 10 ชนิดคือ ปลาหมึก หอยซึบุ หอยมุรุ หอยเชลล์ หมูบด ถั่วงอก หอมใหญ่ ต้มหอมฉีก ผักกาดขาว กะหล่ำปลี และสาหร่ายวากาเมะ เพื่อรสชาติหวาน ลุ่มลึก จะใช้น้ำมันหมูเจียวให้ร้อนในกระทะ ปิดหน้าซุปในชามเป็นเอกลักษณ์ ใช้น้ำซุปจากหมูต้มซีอิ้วเพิ่มความอร่อยด้วยวัตถุดิบจากทะเล รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร น้ำซุปแต่ละร้านจะไม่เหมือนกัน เป็นสูตรเด็ดลับเฉพาะ มีทั้งซุปรสเกลือ รสซีอิ๊ว รสกระดูกหมู รสมิโซะ และรสซี่โครงไก่
หากท่านได้มีโอกาสมาเที่ยวฮอกไกโด หรือทัวร์ฮอกไกโดแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลองของอร่อยขึ้นชื่อเหล่านี้แน่นอน
Cr. Travel Book คุณไพรัตน์ สูงกิจบูลย์