call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
(Ephesus)
หากท่านได้มาทัวร์ตุรกี ขอแนะนำ เมืองเอเฟซุส เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่สวยงามสมกับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่ไม่ควรพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่ใดจะใหญ่โตเทียบเคียงกับเอเฟซุสได้เลย เสน่ห์ของเอเฟซุสคือได้รับการบูรณะเป็นอย่างดีแห่งหนี่งของโลก
ต้นกำเนิดของเอเฟซุสมีหลายกระแสด้วยกัน แต่ที่น่าเชื่อเห็นจะมี 2 กระแสคือ เจ้าหญิงเอเฟซุสแห่งแอมะซอนเป็นผู้ก่อตั้งเมือง มีหลักฐานจากรูปสลักนูนสูงบนทับหลังที่พบภายในวิหารแห่งฮาเดรียนที่สร้างขึ้นในปี 681 อุทิศให้จักรพรรดิจากโรมันและรูปสลักถัดไปสลักเล่าเรื่องการสร้างเมืองเอเฟซุสของแอนโดรคลัส เจ้าชายจากกรุงเอเธนส์ (กรีซ) นำผู้คนเดินทางพยพลงเรือมาจากทะเลอีเจียน (Aegean) เพื่อมาสร้างเมืองใหม่ตามคำเทพพยากรณ์อพอลโล
ผังภูมิของเอเฟซุสยอดเยี่ยมทั้งในด้านยุทธศาสต์และการค้า อยู่ติดกับทะเลอีเจียน เรือสินค้าเข้าเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก ตั้งในหุบเขากระหนาบด้วยภูเขาสองข้างคือ ภูเขาคอเรสซัส (Mount coressus) กับภูเขาไพอน (Mount Pion) เพราะฉะนั้นข้าศึกจะบุกเข้าโจมตียากมาก เพราะมีภูเขาเป็นปราการธรรมชาติ 2 ด้าน มีทะเลเป็นอุปสรรคด้านที่ 3 เหลือเพียงพื้นที่ราบเนื้อที่แคบๆ ที่จะบุกเข้ามาได้ทางเดียวเท่านั้น
สิ่งที่มีชื่อเสียงและมีจุดเด่นที่สุดคือ ได้มีการค้นพบรูปสลักหินเทพี อาร์เทมิส (Artemis) ขนาดความสูงเกือบ 2 เท่าของคนปกติ ตรงหน้าอกมาถึงท้องของเทพีจะมีเต้านมอยู่มากมายหลายเต้า ตามความเชื่อว่าเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ แห่งความอุดมพันธุ์มีลูกดก เป็นความเชื่อของพวกฮิตไทต์ ที่อาศัยอยู่ในอนาโตเลียมาตั้งแต่ 1700 ปี ก่อนคริสตกาล (3700 ปีมาแล้ว)
เมืองเอเฟซุสเคยเป็นที่อยู่ของมหากวีเอกของโลก ชื่อโฮเมอร์ ผู้ประพันธ์ตำนานมหายุทธ์อันโด่งดังของกรีกที่มีชื่อว่า The Iliads and the Odyssey เมื่อ 900 ปีก่อนคริสตกาล เขาเป็นชาวกรีกเกิดที่เมืองสเมอร์นา หรืออีซมีร์ในปัจจุบัน
เอเฟซุสเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นที่หมายปองทั้งพวกเอเธนส์ สปาร์ตาและเปอร์เซีย ผลัดกันปกครองแย่งชิงกัน จนถึง 300 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ โอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ทางตอนเหนือของกรีซ ได้ยกทัพเข้ามาปลดปล่อยเมืองเอเฟซุสจากกองทัพเปอร์เซียได้อย่างง่ายดายและได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเอเฟซุสจากเผด็จการจากมาเป็นประชาธิปไตย บูรณะวิหารอาร์เทมิสที่ถูกไฟไหม้ในคืนเดียวกับที่เขาเกิด
เอเฟซุสเข้าสู่ยุคทองในสมัยโรมัน เมื่อจักรพรรดิออกุสตุส ทรงแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเอเชียแทนเมืองเฟอร์กามอนมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย มีประชากรถึง 250,000 คน เป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของเอเชีย จูเลียส ซีซาร์เคยมาประชุมขุนนางโรมันผู้ปกครองเอเชียทั้งหมดที่เมืองนี้ รวมไปถึง 2 มือมีดที่ฆ่าจูเลียส ซีซาร์คือ บรูตัส และคาสเซียส ก็หนีมาหลบซ่อนตัวที่นี่ รวมทั้งมาร์ก แอนโทนีและพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ ก็เคยมาเยี่ยนเยือนเมืองเอเฟซุสแห่งนี้ แลมีการบันทึกว่ามีการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากชาวเมืองด้วย
แม้กระทั่งในสงครามครั้งสุดท้ายของมาร์ก แอนโทนี เขาได้รวบรวมเรือรบที่เอเฟซุสได้มากถึง 800 ลำ ก่อนจะพ่ายแพ้แก่ออกเตเวียน หรือ ออกเตวิแอนัส ซึ่งต่อมาก็คือออกุสตุส ซีซาร์) นอกฝั่งของกรีซ เป็นเหตุให้มาร์ก แอนโทนีต้องฆ่าตัวตายพร้อมกับพระนางคลีโอพัตราที่เมืองอเล็กซานเดรียทางเหนือของอียิปต์
จักรวรรดิโรมันแทบทุกพระองค์ล้วนเคยเสด็จมาเยือนเอเฟซุสแห่งนี้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะจักรพรรดิฮาเดรียน เคยเสด็จมาเยือนถึง 2 ครั้ง และทรงช่วยกู้อ่าวที่เริ่มจะตื้นเขินจากโคลนตะกอนที่แม่น้ำเคย์สเตอร์ พัดพาเอามาทับถม ซึ่งทำให้เมืองเอเฟซุสในปัจจุบันอยู่ห่างจากทะเลถึง 5 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน ศาสนาคริสต์ได้เริ่มเข้ามาเผยแผ่ในเมืองเอเฟซุส ประชาชนชาวเมืองยอมรับนับถือมาก จนกลายเป็นเมืองคริสต์ที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเยรูซาเลม และเมืองแอนติออก มหาวิหารแห่งอาร์เทมิสได้รับการสร้างขึ้นใหม่ จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ปัจจุบันได้พังทลายไปหมดแล้วคงเหลือแต่เพียงเสาแบบศิลปะไอโอนิกเพียงต้นเดียว ซากของเมืองและโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ให้เราได้พบเห็น ล้วนแล้วแต่สร้างในสมัยโรมันเกือบทั้งหมด