call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
คัปปาโดเจีย ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับ ภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาตั้งแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เป็นเส้นทางที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวาที่พ่นออกมา รวมถึงเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นก็โดนกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกัดกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตา และความน่าพิศวง พื้นที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยคว่ำ ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ประหนึ่งคล้ายดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” นั่นเอง
ซึ่งแน่นอน...หากว่าท่านได้มา เที่ยวตุรกี กันแล้ว ท่านต้องได้แวะเยี่ยมเยือนที่ เมืองคัปปาโดเกีย นี้แน่นอน ซึ่งภายในเมือง นอกจากทัศนียภาพอันสวยงามดั่งนิทานเทพนิยายแล้ว คัปปาโดเกียยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ให้ท่านได้สัมผัสความงามของเมือง นั่นก็คือการนั่งบอลลูนชมวิวปล่องไฟนั่นเอง ซึ่งการนั่งบอลลูนชมวิวนั้น ท่านอาจจะต้องยอมสละเวลานอนแล้วตื่นเช้าสักหน่อย เพราะเราต้องนั่งรถซาฟารีจากโรงแรมไปยังจุดขึ้นบอลลูน ซึ่งระหว่างทางก็จะมีวิวยามรุ่งสางให้เราได้ชมกัน ก่อนที่ฟ้าจะเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ เผยให้เห็นภูมิทัศน์ยามเช้าของคัปปาโดเกียในมุมมองที่ท่านเท่านั้นจะได้สัมผัส
หลังจากที่ท่านและคณะของท่านได้ขึ้นไปบนบอลลูนแล้ว บอลลูน จะค่อยๆพองตัวและลอยขึ้นจากพื้น และจะพาท่านนั่งชมวิวในมุมที่ราบสูงของคัปปาโดเกียเป็นเวลาร่วมชั่วโมง เพื่อให้ท่านได้ละเลียดกับการดื่มด่ำบรรยากาศยามพระอาทิตย์ขึ้น เพลิดเพลินกับการมองดูท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ที่จะมีบอลลูนหลากหลายลูกลอยประดับจะละลานตา เป็นวิวที่สวยแปลกตาตัดกับปล่องไฟหลากรูปร่างด้านล่าง ให้ท่านได้อิสระกับการเก็บภาพประทับใจ และเก็บภาพบรรยากาศเหล่านั้น ก่อนที่จะร่ำลาเมืองคัปปาโดเกียนี้ไป