call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
โบสถ์เซนต์บลาสิอุส หรือ เซนต์เบลส
Cr. Photo by www.idoindu.com
โครเอเชีย นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว สถาปัตยกรรมก็สวยไม่แพ้ชาติใด โดยเฉพาะโบสถ์ จากภาพดานบนด้านหลังของเสาหินอัศวิน คือ โบสถ์เซนต์บลาสิอุส หรือ เซนต์เบลส (Church of St. Blasius, St. Blaise อ่านได้หลายแบบ) หรือนักบุญวลาโฮตามภาษาโครเอเชีย สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญวลาโฮซึ่งเชื่อกันว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ เมื่อมาทัวร์โครเอเชีย ก็อย่าลืมมาเยี่ยมชมความงดงามของโบสถ์เซนต์บลาสิอุส กันนะคะ
Cr. Photo by www.jacqueslanciault.com
ตามตำนานเล่าว่าในปี ค.ศ. 971 นักบวชองค์หนึ่งตื่นขึ้นมากลางดึกแล้ว เดินไปที่โบสถ์ พบชายชราคนหนึ่งยนอยู่ท่ามกลางเทวทูต ชายชราคนดังกล่าว ได้เตือนนักบวชว่ากองทัพเวนิสกำลังเตรียมการจะโจมตีเมือง ให้ท่านนักบวชรีบไปเตือนผู้ปกรองโดยเร็ว ก่อนจากกันนักบวชได้ถามชื่อของท่าน ชายชราจึงตอบไปว่าท่านคือ นักบุญวลาโฮ ด้วยเหตุนี้เมืองดูบรอฟนิกจึงรอดพ้นจากการถูกโจมตีโดยกองทัพของเวนิสไปได้ นักบุญวลาโฮ จึงได้รับการเคารพนับถือจากชาวเมืองดูบรอฟนิกตั้งแต่นั้นมา ตามที่ต่างๆในตัวเมืองจะสังเกตเห็นภาพวาดหรือรูปสลักของท่านประดับอยู่มากมาย
กลับมาที่โบสถ์กันต่อ Church of St. Blasius สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 972 หลังจากเฉลิมฉลองพระคุณของนักบุญวลาโฮ แต่ได้รับความเสียอย่างหนักจากแผ่นไหวในปี ค.ศ. 1667 และถูกทำลายลงจากเหตุเพลิงไหมครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1706 โบสถ์ทีเห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1715 โดยสถาปนิกชาวเวนิสชื่อ Marino Gropelli โดยใช้โบสถ์ Church of San Maruizio เป็นต้นแบบ สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบกอธิก เหนือประตูทางเข้าประดับด้วยรุปเทวดา บนยอดมีรูปสลักของนักบุญวลาโฮอยู่ตรงกลางขนาบซ้ายขวาด้วยบุคคลวัตแห่งความศรัทธาและความหวัง ด้านในมีแท่นบูชาประธานสลักด้วยหินอ่อน บนแท่นมีรูปสลักนักบุญวลาโอหุ้มด้วยทอง มีเมืองโบราณดูบรอฟนิกอยู่ในกำมือ ไม่ปรากฏนาม ผู้แกะสลักแต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 15 เป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าไม่กี่ชิ้นที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากแผ่นดินไหวและอัคคีภัย