call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
บรูไน ดินแดนแห่งความสงบสุข
![](http://i.imgur.com/sxqIjEA.jpg)
ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า “เนการาบรูไนดารุสซาลาม” แปลว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข เมืองหลวงคือ บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) เมืองท่าสำคัญได้แก่ มูอาและเชรีอา
ประเทศบรูไนมีขนาดพื้นที่ 5,765 ตารางกิโลเมตร ร้อยละ 70 ของพื้นที่เป็นป่าไม้ บรูไนมีประชากร 414,000 คน (ปี 2553) จัดว่าเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในอาเซียน
ธงชาติ
![](http://i.imgur.com/4num0Vg.png)
ผืนธงสีเหลือง หมายถึง พระมหากษัตริย์
สีขาวและดำ หมายถึง มุขมนตรี (เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี)
ธงชาติบรูไน เป็นธงสี่เหลือง มีแถบสีขาวและดำพาดทแยงมุม โดยสีขาวอยู่ด้านบน สีดำอยู่ด้านล่าง ตรงกึ่งกลางผืนธงมีภาพตราแผ่นดินของบรูไน แต่เดิมประเทศบรูไนใช้ธงสีเหลืองล้วนๆ เป็นสัญลักษณ์ ต่อมาได้คาดแถบสีขาว-ดำ และปรับเปลี่ยนแบบธงอีกครั้งโดยเพิ่มรูปตราแผ่นดินดังเช่นในปัจจุบัน บรูไนเริ่มมีธงชาติใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2502
ดอกไม้ประจำชาติ
![](http://i.imgur.com/48OBjSV.jpg)
ดอกไม้ประจำชาติของบรูไน คือ ดอกซิมโปร์ (Simpor) หรือที่ รู้จักในชื่อดอกส้านชวา (Shrubby Dillenia) ทางภาคใต้บ้านเรา ดอกซิมโปร์ มีกลีบดอกสีเหลืองขนาดใหญ่ เวลากลีบดอกบานออกจะดูดคล้ายร่ม ขึ้นอยู่ทั่วไปตามริมแม่น้ำของประเทศบรูไน โดยเฉพาะแม่น้ำเต็มบูรง และพบตามบึงหรือบริเวณที่มีทรายสีขาว ชาวบรูไนนิยมใช้รูปดอกไม้ชนิดนี้ตกแต่งออกแบบงานฝีมือพื้นเมือง และใส่ไว้บนธนบัตร นอกจากซิมโปร์จะเป็นไม้ดอกที่สวยงามแล้ว ส่วนต่างๆ ของต้นซิมโปร์ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย
ทำเลที่ตั้ง
ประเทศบรูไน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว บรูไนเป็นประเทศขนาดเล็กและมีดินแดนไม่ติดกัน จึงแยกเป็น 2 ส่วนภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบและชายฝั่งทะเล โดยด้านทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ชายฝั่งสูงขึ้นเป็นภูเขา และด้านทิศตะวันตกเป็นเนินเขาต่ำ ประชากรร้อยละ 97 อาศัยอยู่ทางด้านตะวันตก เพราะด้านตะวันออกมีภูเขาสูงเป็นจำนวนมาก
**รู้หรือไม่**
เกาะเบอร์เนียว (Borneo) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งมีประเทศอยู่ 3 ประเทศคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนแต่ก่อนพื้นที่บนเกาะนี้ส่วนใหญ่เคยเป็นของบรูไน ต่อมาชื่อเรียกก็เพี้ยนจากบรูไนมาจากบอร์เนียว
เทือกเขาและแม่น้ำ
![](http://i.imgur.com/XfFz6sI.jpg)
บรูไนมีภูเขาและป่าไม้มากมาย เทือกเขาที่สูงที่สุดในประเทศคือเทือกเขาบูกิตปากอง อยู่ในเขตเต็มบูรง ติดกับพรมแดนมาเลเซีย ยอดเขาที่สูงสุดถึง 1,850 เมตรจากพื้นดิน แม่น้ำที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำบรูไน แม่น้ำเบไลต์ แม่น้ำแพนดารัน แม่น้ำเต็มบูรง แม่ต้ำตูตง พื้นที่ร้อยละ 70 ของประเทศบรูไนเป็นผืนป่า บรูไนจึงยังอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้และแร่ธาตุ มีพื้นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก สัตว์น้ำในน่านน้ำก็ยังอุดมสมบูรณ์เช่นกัน การสำรวจพบแหล่งน้ำมันในบรูไนเมื่อปี พ.ศ. 2422 (ค.ศ. 1879) ทำให้บรูไนร่ำรวย ด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จึงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค อาเซียน และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรมชาติถือเป็นรายได้หลักของประเทศ บนเกาะเบอร์เนียมีสัตว์เฉพาะถิ่นที่หาดูที่อื่นไม่ได้ นั่นก็คือ ลิงจมูกยาว
ประวัติศาสตร์
ในอดีตบรูไนมีกำลังอำนาจมาก มีสุลต่านเป็นผู้ปกครองรัฐ ซึ่งมีอาณาเขตครองครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซุลู (Sulu) เมื่อเริ่มมีชาวยุโรป เดินเรือมาค้าขาย บรูไนก็เฟื่องฟูทางการค้า สินค้าส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น คือ การบูร พริกไทย และทองคำ
หลังจากนั้น บรูไนก็ค่อยๆ เสียดินแดนในยุโรป รัฐเริ่มเสื่อมอำนาจลงต่อมาเซอร์เจมส์ บรุก (James Brooke) ชาวอังกฤษ เดินทางมาและได้ยื่นข้อเสนอช่วยปราบปรามโจรสลัด สุลต่านจึงยกดินแดนบางส่วนให้ แล้วอังกฤษก็เริ่มมีอำนาจการปกครองมากขึ้นเรื่อยๆ จนบรูไนได้ลงนามในสนธสัญญายินยอมเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ 2449 ทำให้อังกฤษมีอำนาจ การปรกครองอย่างเต็มที่เป็นเวลา 95 ปี จนกระทั่งได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527
การเมืองการปกครอง
ประเทศบรูไนมีรูปแบบการปกครอง แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประมุขผู้นำรัฐบาลคนปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสชานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ (His Majesty Sultan Haji Hassanai Blokiah Mu’izzaddin Waddaulah) สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 29 โดยทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510 จนถึงปัจจุบัน
วันสำคัญแห่งชาติของบรูไน
• วันชาติ คือวันที่ 23 กุมภาพันธ์
• วันประกาศอิสรภาพ คือ วันที่ 1 มกราคม 2527
• วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระราชาธิบดี ตรงกับวันที่ 15 กรกฏาคม
อำนาจปกครอง
อำนาจการปกครองสูงสุดในบรูไนนั้นเป็นของสุลต่าน ตามรัฐธรรมนูญของประเทศบรูไน (ฉบับปี พ.ศ.2527) ที่กำหนดให้สุลต่านเป็น อธิปัตย์ คือ เป็นทั้งประมุขและนายกรัฐมนตรี โดยมีเกณฑ์ว่า ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนในเชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและต้องนับถือศาสนาอิสลามนิกายชุนหนี่
ปัจจุบันนอกจากสมเด็จพระราชาธิบดีจะทรงเป็นประมุขของประเทศและนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังดำรงตำแหน่งทางกาเมืองอื่นๆ ด้วย ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลัง ทางด้านการบริหารประเทศ รัฐบาลบรูไนให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เช่น เมื่อปี พ.ศ. 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีเปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่ไม่ใช่มุสลิม แต่มีความสามารถ เข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก เพื่อต้องการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า
นอกจากนี้บรูไนยังมีระบบ รัฐสวัสดิการ ที่มีประสิทธิภาพ คือรัฐให้บิการประชาชนโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งสนับสนุนให้ทุกคนที่มีอยู่อาศัยเป็นของตนเอง
** ประเทศที่มีระบบรัฐสวัสดิการจะใช้ระบบการเก็บภาษี** แบบก้าวหน้านั่นคือ รัฐบาลจะเก็บภาษีจากคนรวยเป็นจำนวนมากกว่าคนจนมาก ส่วนคนที่มีฐานะไม่ดีก็จะเก็บในอัตราน้อยหรือไม่เรียกเก็บเลย ส่วนคนที่มีฐานะไม่ดีก็จะเก็บในอัตราน้อยหรือไม่เรียกเก็บเลย ซึ่งรัฐจะนำเงินภาษีที่เก็บได้นี้มาใช้จ่ายให้บริการทางสังคมแก่ประชาชน
พรรคการเมืองสำคัญ
บรูไนมีมีการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 เนื่องจากมีการพยายามยึดอำนาจสุลต่าน เมื่อรัฐบาลมีมาตรการควบคุม พรรคการเมืองจึงมีความสำคัญน้อยลงในเวลาต่อมา ปัจจุบันพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฏหมายที่อยู่พรรคเดียวคือ พรรคสามัคคีแห่งชาติบรูไน จดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกตั้งแต่บรูไนได้รับเอกราชมีนโยบายเน้นสนับสนุนการมีรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชน มีเสรีภาพในการออกความเห็น การกระจายรายได้ที่เท่าเทียงและเป็นธรรม
บรูไนใช้หลักกฎหมายอังกฤษ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ยึดคำตัดสินของศาล มักใช้ในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน นอกจากนี้ยังเป็นกฎหมายอิสลาม
ทำมาค้าขาย
ชาวบรูไนนิยมทำงานราชการหรือทำงานในบริษัทใหญ่ๆ และเนื่องจากการเป็นปะเทศเล็กๆ ที่มีจำนวนคนอาศัยอยู่น้อย บรูไนจึงมีปัญหาขาดแคลน แรงงานและช่างฝีมือ จึงรับจ้างแรงงานจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย หรือคนไทย เข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้า ก่อสร้าง
ส่วนรายได้ของประเทศนั้น แม้วาปัจจุบันจะพยายามเพิ่มช่องทางการหารายได้เข้าประเทศให้หลายหลายมากขึ้น แต่รายได้หลักก็ยังคงมาจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนราวร้อยละ 90 บรูไนจึงต้องมีหน่วยงานกำหนดนโยบายน้ำมันและก๊าซของประเทศ คือ บริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติ
นอกจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมแล้ว บรูไนยังมีอุสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าเพื่อส่งออกไปประเทศในกลุ่มยุโรปและสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังผลักดันอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในประเทศ โดยมีจุดขายอยู่ที่การเป็นประเทศที่มีความสงบและปลอดภัย
สินค้าส่งออกที่สำคัญ
• น้ำมันดิบ
• ก๊าซธรรมชาติ
• ปิโตรเลียมกลั่น
• เสื้อผ้า
สินค้านำเข้าที่สำคัญ
• เครื่องจักรอุตสาหกรรม