call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
มหานครที่ไม่เคยหลับไหล
บรรยากาศโดยรอบของย่านไทม์สแควร์ ขวักไขว่ไปด้วยผู้คนที่ดูวุ่นๆ และเร่งรีบกันไปหมด ฉันสังเกตว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนที่มาทำงานหรือติดต่อธุรกิจ และที่เหลือคือนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อเมริกาอย่างฉัน จากสถิติพบว่ามีคนมาเยือนที่นี่ เฉลี่ยแล้วประมาณ 360,000 คนต่อวันเลยทีเดียว นับว่าเป็นสถานที่ที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คงจะเป็นเจ้าจอโฆษณาขนาดยักษ์ (Billboards) ที่มีมากมาย ติดอยู่ตามบริเวณ แสงไฟนีออนและจอแอลอีดีที่ส่องแสงสว่างรายล้อมไทม์สแควร์ และสีสีจากโรงละครบรอดเวย์นั้น ทำให้ที่นี่ดูทันสมัย ล้ำยุค จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความบันเทิงความมีชีวิตชีวาของคนที่นี่ไปเสียแล้ว
และที่นี่เป็นเมืองที่มีตึกระฟ้าและตึกสูงมากมาย ฉันเดินเรื่อยๆ จนมาถึงอาคารระฟ้าที่ขึ้นชื่อและเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนิวยอร์กนั่นก็คือ ตึกเอ็มไพร์ สเตท เจ้าตึกนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก มักถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง “คิงคอง” ถ้าหากใครจำเจ้าลิงยักษ์ที่ปีนขึ้นไปบนยอดตึกเพื่อตามหาหญิงสาวที่มันหลงรักได้ ตึกคิงคองนั่นก็คือตึกเอ็มไพร์ สเตท นั่นเองค่ะ ถ้าใครอยากจะมาตามหาเจ้าคิงคองแล้วล่ะก็ ตัวตึกตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของถนนฟิฟท์ อเวนิว (Fifth Avenue) และเวสท 34 สตรีท (West 34 Street) นับเป็นตึกหลังแรกของโลกที่มีความสูงมากกว่า 100 ชั้น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน วิลเลี่ยม เฟรเดอริก แลมบ์ (William Frederick Lamb) ฉันเข้าไปในอาคารเพื่อขึ้นลิฟต์ไปชมวิวของเมืองนิวยอร์ก ที่สามารถมองเห็นรอบๆ เมืองได้ไกลถึง 80 ไมล์ ด้านบนของตึกลมแรงมาก ถึงขั้นหนาวเลยทีเดียว หลังจากชมวิวจนหนำใจแล้ว ฉันเดินตัวหนาวสั่นกลับเข้ามาในตึกพร้อมจะมุ่งหน้าไปจุดหมายที่ต่อไปนั่นคือ สวนสาธารณะ เซ็นทรัลพาร์ค
เซ็นทรัลพาร์ค เปรียบเสมือนโอเอซีสสำหรับชาวนิวยอร์กและมีปรากฏในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาด843 เอเคอร์ (3.4 ตร.กม. หรือประมาณสนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าเซ็นทรัลพาร์คเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก ฉันพยามที่จะเดินให้ทั่วสวน แต่ไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่ภายหลังฉันแบ่งเวลาในทริปนี้เพื่อกลับมาเดินในสวนนี้ถึง 3 ครั้ง ฉันก็ยังไม่สามารถเดินได้ทั่วเลย ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีกิจกรรมหลายอย่างจริงๆ ค่ะ เพราะไม่เพียงแค่เป็นที่ที่มาเดิน ปั่นจักรยาน หรือมาวิ่งออกกำลังกายแล้ว ยังมีสวนสัตว์ ร้านอาหาร ลานน้ำพุ ริมทะเลสาบเล็กๆ มีเรือถีบให้นั่งเล่น ที่สนามเด็กเล่น มีม้าหมุนมีของเล่นเด็ก พ่อแม่สามารถนั่งเล่นชมต้นไม้ดอกไม้ที่กำลังแย้มบานต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ครอบครัวปิกนิกรับประทานอาหารร่วมกัน หรือวัยรุ่น หนุ่มสาวมานอนอาบแดดที่ชอบมากคือ มีลานสเก็ต ฉันมองดูเด็กๆ กำลังเล่นสเก็ตกันอย่างสนุกสนาน ตัวนิดเดียวทำไมเล่นเก่งขนาดนี้ น่าเสียดายที่ฉันไม่มีเวลามากนัก ไม่งั้นคงได้ออกลวดลายโชว์ เป็นเพราะไม่มีเวลาจริงๆ นะ ไม่ได้กลัวจะไปลื่นล้มให้ขายขี้หน้าเด็กเลยจริงๆ เย็นวันนั้นฉันนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมน้ำในเซ็นทรัลพาร์ค รู้สึกสงบ อิ่มอกอิ่มใจกับรรยากาศรอบข้าง ประหลาดใจนิดๆ กับเมืองนิวยอร์กตรงที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างงี้ได้อย่างไร
เมื่อพูดถึงสัญลักษณ์ของเสรีภาพ สถานที่เด็ดอีกที่ที่ฉันไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน ถ้ามาถึงที่นิวยอร์กแล้วไม่ได้แวะมาทักทายเทพีเสรีภาพแล้วถือว่ามาไม่ถึง ฉันเดินทางไปอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพในเช้าอีกวัน อากาศช่างเป็นใจและแสงแดดช่างสดใสเสียจริง อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ตั้งอยู่ ณ เกาะลิเบอร์ตี้ ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2419 เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรมโลหะสำริดค่ะ ตัวเทพีจะห่มเสื้อคลุมและมือขวาชูคบเพลิงไว้ ส่วนมือซ้ายถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเทพีเสรีภาพตั้งอยู่บนเกาะค่ะ ฉันต้องนั่งเรือเพื่อจะลงที่เกาะและได้เห็นอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพอย่างเต็มตา ฉันเคยอ่านมาเขาบอกว่าเท้าข้างหนึ่งของเทพีมีโซ่ที่ชาดเพื่อแสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส ฉันตะลึงกับความใหญ่อลังการของตัวเทพีเสรีภาพ เลยไม่ทันสังเกตดูเลยค่ะ เทพีสวมมงกุฎ 7 แฉก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด ภายในมีบันไดรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น โครงร่างเหล็กออกแบบโดย เออแชน วียอเลต์ – เลอ – ดุค และ กุสตาฟ ไอเฟล ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอไอเฟล ในกรุงปารีสค่ะ ส่วนฐานอนุสาวรีย์ สร้างโดยสหรัฐอเมริกาจรึกโคลงชอนเนต์ของกวีชาวอเมริกัน เอมมา ลาซารัส ซึ่งมีเนื้อหาต้อนรับผู้อพยพที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา
วอลล์สตรีท (Wall Street) ถนนเส้นนี้เป็นถนนเก่าแก่เส้นหนึ่งของเมือง ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์กลางที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินของโลกมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในปัจจุบัน นอกจากนี้จะมีรูปปั้นวัวกระทิง (Charging Bull หรือ Wall Street Bull ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตลาดขาขึ้น ดูท่าท่างเจ้ากระทิงคงป๊อปปูล่าน่าดู นักท่องเที่ยวรุมถ่ายรูปคู่กับมันเยอะมาก และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
จากนั้นก็ถึงเวลาช้อปปิ้งกันเสียที ฉันตรงไปที่ถนนฟิฟท์ อเวนิว มีห้างร้านให้ละลายทรัพย์กันมากมายตลอดถนนนั้น เรียกได้ว่าเป็นถนนช้อปปิ้งเลยก็ว่าได้ แต่ละร้านตกแต่งสวยงามน่าเข้า ยิ่งพวกแบรนด์เนมชื่อดังยิ่งล่อตาล่อใจดูดเงินขาช้อปทั้งหลาย ตกเย็นไม่พลาดไฮไลท์สำคัญของการมาเที่ยวนิวยอร์ก นั่นก็คือการชมละครบรอดเวย์ (Broadway) เป็นละครเพลงและมีการจัดฉากได้สวยงาม อลังการมาก ที่นิวยอร์กมีชื่อเสียงทางด้านของศิลปะและการละครเวที มีหลายเรื่องถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ และส่วนมากจะประสบความสำเร็จได้รางวัลอยู่เสมอ เช่น The Sound of Music, Chicago เป็นต้น ละครเพลงบรอดเวย์แต่ละเรื่องมักได้รับความนิยมยาวนานมาก เรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง The Phantom of Opera ที่ตื่นตาตื่นใจ และอลังการจนฉันเคลิ้ม เป็นการแสดงที่ทำให้หลับฝันดีเลยทีเดียว พูดได้ว่ามาทัวร์อเมริกาครั้งนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ