call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436
ศูนย์กลางความบันเทิงจุดเด่นของที่นี่คงเป็นชิงช้าสวรรค์สูงประมาณตึก 15 ชั้น
นอกจากลอสแองเจลิส และนิวยอร์ก ที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ การเงินและอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว นครชิคาโก เป็นอีกหนึ่งเมืองที่นึกถึงหากเดินทางมาสหรัฐฯ โดยความที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและทันสมัยของตึกรามบ้านช่อง และสถาปัตยกรรมสมัยใหม่มากมาย และเนื่องจากที่นี่กระแสลมพัดแรงตลอดปี ภูมิอากาศจะผันผวนตลอดจึงรับสมญานามว่า “Windy City” แม้จะมีกระแสลมแรง แต่ที่นี่ไม่เคยปรากฏภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวหรือพายุเฮอร์ริเคนเลย
สำหรับจุดหมายของการเดินทางวันแรก เราเริ่มกันที่ Navy Pier ท่าเรือนี้สร้างขึ้นในปี 1916 เป็นท่าเรือเก่าของกองทัพสหรัฐ สมัยสงครามโลก จนถึงปี 1995 มีการปรับปรุงและเปิดขึ้นมาใหม่เป็นสวนกลางแจ้งและศูนย์กลางความบันเทิงจุดเด่นของที่นี่คงเป็นชิงช้าสวรรค์สูงประมาณตึก 15 ชั้น ให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงของทะเลสาบมิชิแกนและเส้นขอบฟ้าของเมืองชิคาโก ใกล้ๆ กันนั้นก็มีเครื่องเล่นนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นม้าหมุน ชิงช้าโบราณ ฯลฯ นอกจากนี้ ก็มีส่วนที่ Crystal Garden เป็นสวนในร่ม เนื่องจากวันที่ไปฟ้าเปิดและอากาศไม่ร้อนมากนัก มีลดพัดเย็นๆ สมกับเป็นเมืองแห่งกระแสลมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนต่อคิวขึ้นชิงช้าสวรรค์ และมีคนในพื้นที่กำลังนั่งชมวิว บ้างก็กำลังปิกนิคกันในครอบครัว มีเด็กๆ วิ่งไปมา เป็นบรรยากาศเริ่มต้นและปิดท้ายวันแรกที่ผ่อนคลายมากสำหรับการเดินทางครั้งนี้ หากท่านมาทัวร์อเมริกาหรือ มาเที่ยวอเมริกา ต้องหาโอกาสมาเยี่ยมชมให้ได้สักครั้ง
เราเริ่มต้นวันด้วยการเดินเตรีอยู่หน้าสถาปัตยกรรม The Clold Gate or The Bean ที่เรียกว่าไม่ได้เอา อาจจะถือได้ว่าไม่ได้มาถึงชิโคโกเลยก็เป็นได้ สถาปัตยกรรมชิ้นนี้ตั้งอยู่บริเวณลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ชื่อ เอ ที แอนด์ ที พลาซ่า ในสวนสาธรณะมิลเลนเนี่ยม ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองชิคาโก นึกถึงสวนลุมฯ บ้านเราหรือสวนสาธารณะอุเอะโนะของญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างเลยค่ะ ที่สวนสาธารณะนี้จะเป็นเหมือนจุดนัดหมายและพักผ่อนหย่อนใจหลักของชาวชิคาโก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องมาแชะภาพกับสถาปัตยกรรม คล้ายเมล็ดถั่วสีเงินวาวขนาดใหญ่ชิ้นดี สังเกตได้จากลูกเล็กเด็กแดงให้พากันมาปีนป่าย แหงนคอมอง และนักท่องเที่ยว (รวมถึงเรา) ตั้งท่าถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีงานประติมากรรมอื่นๆ อีกหลายชิ้น เช่น น้ำพุคราวน์ เป็นวิดีโอประติมากรรมประกอบแสง สี เสียง ที่แสดงบนประติมากรรมน้ำพุแท่งแกรนิตสีดำ
ไม่ไกลนักตรงถนน Adams เป็น สถาบันศิลปะชิคาโก สังเกตง่ายๆ คือ จะเห็นสิงโตสองตัวเป็นสัญลักษณ์ที่ประตูทางเข้า ถ้าเห็นเช่นนั้นแสดงว่ามาถูกที่แล้ว สถาบันศิลปะแห่งนี้เองที่ช่วงหนึ่งทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่ปราสาทหินพนมรุ้งได้ถูกลับลอบขโมยไป และไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ต่อมา ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล ไปพบเข้า ทางรัฐบาลไทย จึงได้ทำเรื่องขอสมบัติชาติแห่งนี้คืน ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ที่ประเทศไทยอีกครั้ง ไฮไลท์เด็ดของที่นี่ คงเป็นภาพวาดของศิลปินดังๆ หลายท่านไม่ว่าจะเป็น โกลด์ มอแน หรือ อ็อสการ์-โกลด์ มอแน ฟินเซนต์ ฟันโคค , ปีแยร์ – โอกุสต์ เรอนัวร์ ซึ่งจะมีจัดแสดงกระจายกันไปตามชั้นทั้งหมด 4 ชั้น โดยในแต่ละชั้นจะมีการจัดแสดงเป็นศิลปะในแต่ละรูปแบบ เดินไปจะเห็นคนรอบๆ ใส่หูฟังของเครื่องบรรยาย ซึ่งเขามีให้เช่าไว้บรรยายแต่ละจุด ใครชื่นชอบศิลปินท่นไหนก็เลือกพินิจพิจารณาดู เรียกได้ว่าเดินดูซึมซับงานศิลป์กันจนอิ่ม